วัดวัง เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นแต่ไม่ทราบศักราชที่แน่ชัด เนื่องจากหลักฐานยังขัดแย้งกันอยู่ เช่น พงศาวดารเมืองพัทลุงระบุว่า พระยาพัทลุง(ทองขาว) เป็นผู้สร้างวัดวัง แต่ไม่ปรากฏปีศักราช ได้ทำการแล้วเสร็จ มีการฉลอง เมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ พ.ศ. ๒๓๕๙ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หนังสือพงศาวดารและลำดับวงศ์สกุลเมืองพัทลุง เรียบเรียงโดยพระยาโสภณพัทลุงกุล (สว่าง ณ พัทลุง) ระบุว่า พระยาพัทลุง (ทองขาว) เป็นผู้ปฏิสังขรณ์วัดวังขึ้น มีอุโบสถ พัทธสีมา และวิหารพร้อมใช้เป็นวัดสำหรับรับน้ำพระพิพัฒน์สัตยาสำหรับเมือง หนังสือประวัติวัดวังของหลวงคเชนทรามาตย์ ระบุไว้ว่า พระยาพัทลุง (ทองขาว) บุตรพระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก )เป็นหัวหน้าชักนำญาติพี่น้องและชาวบ้านปฏิสังขรณ์วัดวังขึ้น คุณยายประไพ มุตตามระ (จันทโรจวงศ์) บุตรีหลวงศรีวรวัตร (พิณ จันทโรจวงศ์ ผู้เขียนพงศาวดารเมืองพัทลุง) ได้ให้ความเห็นไว้ว่า วัดวังคงจะเริ่มสร้างมาแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ แต่เพราะบ้านเมืองในสมัยนั้นมีศึกษาสงครามกับหัวเมืองมลายูและพม่าอยู่เสมอ จึงทำให้การสร้างวัดมาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๓๕๙ ทำเนียบวัดจังหวัดพัทลุงของพระครูอริยสังวร(เอียด)อดีตเจ้าคณะจังหวัดพัทลุงได้ระบุว่า วัดวังสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๓๑ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จากหลักฐานที่กล่าวมาพอจะสันนิษฐานได้ว่าวัดวังสร้างมาก่อน พ.ศ.๒๓๕๙ และอาจจะสร้างมาแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ก็ได้ จุดประสงค์ของการสร้างวัดนี้อาจเป็นได้ว่าเพื่อใช้เป็นวัดประจำเมือง หรือประจำตระกูล เพราะสมัยนั้นได้ย้ายเมืองพัทลุงมาตั้งที่โคกลุง บริเวณนี้ยังไม่มีวัดที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาเมื่อสร้างวัดวังขึ้นแล้วก็พิจารณาเห็นว่าวัดควนมะพร้าว ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยามาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีนั้นอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมากเกินไป จึงได้พิจารณายกวัดวังขึ้นเป็นวัดถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ดังปรากฏในพงศาวดารเมืองพัทลุงว่า พระยาพัทลุง(ทับ)ได้ปฏิสังขรณ์วัดวัง ซึ่งเป็นวัดของพระยาพัทลุง(ทองขาว)ขึ้นเป็นวัดถือน้ำไว้กลางเมืองพัทลุง ให้มีการฉลองเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก โทศก พ.ศ. ๒๔๐๓ ต่อมาวัดวังได้รับการบูรณะเรื่อยมา จนกระทั่งทางราชการได้ยกเลิกพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาและได้มีการย้ายเมืองพัทลุงจากตำบลลำปำไปตั้งที่ตำบลคูหาสวรรค์ คือที่ตั้งเมืองพัทลุงปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๙ วัดวังก็เริ่มทรุดโทรมลงเรื่อยๆ จนราว พ.ศ.๒๕๑๒ ทางราชการจึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมวัดวังให้มั่นคงถาวรจนกระทั่งทุกวันนี้